7 พรรคร่วมเวทีดีเบต PPTV ประชันวิสัยทัศน์ จุดยืนรัฐบาลต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน

เวที พีพีทีวี ดีเบต ครั้งที่ 2 เลือกตั้ง 66 ฟังเสียงคนไทย “ตอน : ฝ่าวิกฤต ประเทศไทย” โดยเปิดบ้านรับการมาเยือนเหล่ากุนซือระดับหัวกะทิของพรรคการเมือง ในการขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ ดวลนโยบาย แสดงจุดยืน

โดยมีตัวแทนจาก 7 พรรคสำคัญท้าชน ดวลนโยบายในครั้งนี้ ได้แก่ นายเกียรติ สิทธีอมร กรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ , นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคเพื่อไทย , นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล

ตร.บุกค้นบ้าน “แอม” นครปฐม ผงะคำพูดจาก เว็บสล็อต มาแรงอันดับ 1!เจอขวดยา-แคปซูลเปล่าเพียบ

เลือกตั้ง 2566 : “บิ๊กตู่”เครียด! น้ำหนักลด 5 กิโล พ้อโดนด่าทุกเรื่อง

, นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ , น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย , นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ และ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า

ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของการดีเบต คุณกรุณา บัวคำศรี ผู้ประกาศสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี ที่อยู่ระหว่างการรายงานข่าวอยู่ในพื้นที่การสู้รบรัสเซีย – ยูเครน ได้อัดคลิปวิดีโอ ฝากคำถามมายังตัวแทนพรรคการเมือง ว่า หากได้เป็นรัฐบาล จะมีจุดยืนต่อสงครามยูเครนอย่างไร แล้วไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากจุดยืนนี้ ?

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ พี่น้องชาวยูเครน กับการสูญเสียที่ไม่มีเหตุผล จุดยืนการต่างประเทศของประเทศไทยที่ต้องยืดให้มั่น เราต้องเข้าใจว่าระเบียบโลกใหม่ คือโลกที่ไร้ระเบียบ การที่รัสเซียรุกรานยูเครนแบบนี้ ถือว่าผิดกฎระเบียบสหประชาชาติอย่างชัดเจน ดังนั้นเราต้องรวมตัวกันให้มั่นกับประเทศที่เป็นขนาดเล็ก ว่าการที่ชาติหนึ่งรุกรานอีกชาติหนึ่งทำไม่ได้ในโลกใบใหม่นี้ เพราะไม่เช่นนั้น ถึงเวลาของเราที่โดนรุกรานบ้าง จะไม่มีใครมาช่วยเราแบบนี้

ด้าน นายเกียรติ สิทธีอมร กรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรื่องนี้ว่า การที่ใช้กำลังทหารขนาดใหญ่ ไปรุกรานประเทศอื่นเรารับไม่ได้ ส่วนผลกระทบแน่นอนว่า เกิดขึ้นกับประชาชนชาวยูเครน ดังนั้นสิ่งเร่งด่วนที่ต้องเข้าไปดูแล นั้นคือเรื่องสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยต้องมีส่วนร่วมในการเข้าไปช่วยตามกำลังและตามความสามารถที่จะช่วยได้ ผ่านองค์การสหประชาชาติ และจากวันนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน หลายประเทศ อาเซียน รวมถึงประเทศไทย ต้องช่วยกันร่วมกันผลักดัน มีการเจรจาอย่างสันติวิธีไปสู่ความสงบสุขเพื่อชาวยูเครน ไม่ใช่เพื่อใครแพ้ ใครชนะ

น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า สงครามรัสเซีย – ยูเครนในครั้งนี้ เราเจอปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้นจุดยืนเราต้องชัดเจนในเรื่องนี้ เรายืนยันว่าไม่ควรมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นเลย แต่ในความขัดแย้งด้านอื่นๆ เราของดออกความเห็น เพราะมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึง สงครามยูเครน – รัสเซีย ในรอบนี้ ประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย มีแต่สิ่งต้องเตรียมตัวนั้น คือ ราคาพลังงาน แก็ส น้ำมัน ที่เราต้องเผชิญ จะทำอย่างไรให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล ต้องยอมรับว่าสงครามไม่เป็นผลบวกต่อใครทั้งสิ้น มันคือการสูญเสีย ทั้งชีวิต เศรษฐกิจปกท้อง กระทบทั้งโลก โดยพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการเกิดสงคราม และควรใช้บทบาทประเทศไทยในฐานะคู่ขัดแย้ง แสดงบทบาท โดยรวมกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อเรียกร้องให้ตั้งโต๊ะเจรจา และขอให้ทุกประเทศเคารพกติกาสากล ทั้งนี้หากไทยทำลักาณะนี้เราจะโดดเด่นขึ้นในเวทีโลก

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราขอแสดงความเสียใจและเห็นอกเห็นใจ กับชาวยูเครน ที่ได้รับผลกระเทือนจากเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนชัดเจน ที่จะต้องไปพร้อมกับเจตนารมณ์ของสหประชาชาติ ที่ต้องการให้มีความสงบและไม่มีการุกรานระหว่างประเทศ ดังนั้นเราไม่เห็นด้วยกับการรุกรานของประเทศหนึ่งเข้าไปในประเทศหนึ่ง โดยมีหลักที่สองคือเราจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเราเป็นมิตรกับทั้ง 2 ประเทศ ที่สำคัญคือจุดยืนของพรรคเพื่อไทย คือการเป็นคนผลักดันสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถแสดงออกได้ในฐานะที่เราเป็นมิตร เชื่อว่าแต่ละประเทศจะหาทางสงบลง ตัวกลางของการเจรจาจะต้องเกิดขึ้นจากผู้อื่น ดังนั้นการที่เราเป็นมิตรกับทั้ง 2 ประเทสเป็นเรื่องที่สำคัญ ดดยเราจะทำร่วมกันกับอาเซียนและยูเอ็น

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า คิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันไกลจากบ้านเรามาก แต่ครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ในปี ก่อนปี 2518 ซึ่งไทยกลายเป็นพันธมิตรอเมริกา ส่วนรัสเซียและจีนอยู่ในค่ายคอมมิวนิสต์ เมื่อมีการแผ่นอิทธิพลคอมมิวนิสต์เข้ามาในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา อเมริกาถือความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยมาตั้งฐานทัพในไทย และทุกเช้าจะมีเครื่องบินบันทุกระเบิดจากไทยไปทิ้งในลาว เวียดนาม และกัมพูชา แล้วกลับมาที่ฐานทัพในไทย ทั้งนี้สงครามยืดเยื้อในเวียดนามหลายปีสุดท้ายสงครามยุติอเมริกาถอยกลับไป วันนี้สถานการณ์ที่อยู่ไกลขนาดนั้น ตนเห็นด้วยกับทุกท่านว่าอย่าไปเข้าข้างใดข้างหนึ่ง มันยังไกล

 7 พรรคร่วมเวทีดีเบต PPTV ประชันวิสัยทัศน์ จุดยืนรัฐบาลต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน

By admin

Related Post