พบซากดาวฤกษ์ประหลาด มี “แผลเป็นโลหะ” กระจายอยู่ทั่วพื้นผิวดาว

By admin Mar 21, 2024 #happy pg

สิ่งที่เราไม่รู้มักนำมาซึ่งความกลัวหรือเสน่ห์ชวนหลงใหลเสมอ และสำหรับนักดาราศาสตร์แล้ว การรู้ว่าในอนาคตอันไกลโพ้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับระบบสุริยจักรวาลของเรา ถือเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญสูงสุดที่พวกเขาพยายามคาดการณ์ให้ได้

แต่การจะรู้อนาคตอันไกลขนาดนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นักดาราศาสตร์จึงทำได้เพียงศึกษาระบบดาวอื่น ๆ ที่ดาวฤกษ์กำลังก้าวเข้าสู่วาระสุดท้ายของพวกมัน หรือก็คือดาวฤกษ์ที่กลายเป็นดาวแคระขาว (White Dwarf) แล้วนั่นเอง

ยาน “SLIM” ของญี่ปุ่นคืนชีพรอบสอง! หลังไม่โดนแสงอาทิตย์นาน 2 สัปดาห์

พบดวงจันทร์ดาวยูเรนัส-เนปจูนเพิ่ม 3 ดวง หนึ่งในนั้นทุบสถิติมีขนาดเล็กที่สุด

“เมิ่งโจว” จีนเปิดตัวยานอวกาศลำใหม่ที่จะส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์

ที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์ศึกษาดาวแคระขาวจำนวนมากที่มีอยู่ในจักรวาล และล่าสุดได้ค้นพบสัญญาณผิดปกติของดาวฤกษ์ที่ตายแล้วดวงหนึ่ง ซึ่งยังคงกินเศษชิ้นส่วนของดาวเคราะห์ที่โคจรรอบมัน จนเกิด “แผลเป็นโลหะ” (Metal Scar) บนพื้นผิวของมัน

นักวิทยาศาสตร์บอกว่า การค้นพบดังกล่าวให้ความกระจ่างถึงธรรมชาติของระบบดาวเคราะห์ในช่วงสุดท้ายของวงจรชีวิตของดาวฤกษ์ และอาจสามารถทำนายชะตากรรมสุดท้ายของระบบสุริยะของเราได้

ตามทฤษฎีแล้ว ดาวเคราะห์ก่อตัวจากการหมุนวนของก๊าซและฝุ่นที่เรียกว่าจานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ (Protoplanetary Disk) ที่ล้อมรอบดาวฤกษ์ที่เพิ่งก่อตัวใหม่ แต่เมื่อดาวฤกษ์มีอายุมากขึ้นและตายไป ดาวฤกษ์ก็สามารถกลืนกินดาวเคราะห์และดาวเคราะห์น้อยที่มันสร้างขึ้นมาได้

กรณีล่าสุด นักดาราศาสตร์สังเกตเห็นดาวแคระขาว WD 0816-310 ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 63 ปีแสงโดยใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ของหอดูดาวยุโรปใต้ในชิลี และจากการสังเกตการณ์เผยให้เห็นคุณลักษณะที่มีความเป็นโลหะบนพื้นผิวดาวฤกษ์ ซึ่งนักวิจัยพิจารณาว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่ตรวจพบในสนามแม่เหล็กของดาว

ดร.สเตฟาโน แบ็กนูโล นักดาราศาสตร์จากหอดูดาวและท้องฟ้าจำลองอาร์มักห์ ในไอร์แลนด์เหนือ หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่า ดาวแคระขาวบางดวงมีโอกาสที่จะกลืนกินดาวเคราะห์ของพวกมันเอง ตอนนี้เราได้ค้นพบแล้วว่า สนามแม่เหล็กของดาวมีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้ และส่งผลให้เกิด ‘แผลเป็น’ บนพื้นผิวดาวแคระขาว”

ดาวแคระขาว WD 0816-310 เป็นซากดาวฤกษ์ขนาดเท่าโลก ที่ครั้งหนึ่งเคยมีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ของเรา โดยบนพื้นผิวของมันขณะนี้ มีรอยดำที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งเกิดจากความเข้มข้นของโลหะ

เจย์ ฟาริฮี ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ผู้ร่วมวิจัย กล่าวว่า “เราพบว่า โลหะเหล่านี้กำเนิดจากชิ้นส่วนของดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับหรืออาจใหญ่กว่าเวสตา (ดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อยหลักของระบบสุริยะ) ดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่เป็นอันดับสองในระบบสุริยะซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 500 กิโลเมตร”

ขณะที่นักดาราศาสตร์ศึกษาดาวแคระขาวดวงนี้ พวกเขาสังเกตเห็นว่า ความเข้มข้นของโลหะที่ตรวจพบเปลี่ยนไปในขณะที่ดาวฤกษ์หมุนรอบตัวเอง และแทนที่โลหะจะกระจายไปทั่วพื้นผิวดาวตามที่ทฤษฎีทางดาราศาสตร์ทำนายไว้ พวกมันกลับมุ่งเน้นไปที่พื้นที่เดียว

ความแรงของการตรวจจับโลหะยังสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ในสนามแม่เหล็กของดาว ซึ่งทำให้ทีมวิจัยตรวจพบแผลเป็นโลหะอยู่บนขั้วแม่เหล็กขั้วหนึ่งของดาว

ทีมวิจัยจึงด้ข้อสรุปว่า สนามแม่เหล็กของดาวฤกษ์ดึงโลหะเข้าหาดาวฤกษ์ และทำให้เกิดแผลเป็น

จอห์น แลนด์สตรีต ศาสตราจารย์กิตติคุณสาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นในแคนาดา หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า “แผลเป็นนี้เป็นแผ่นวัสดุดาวเคราะห์ที่มีความเข้มข้น ซึ่งถูกยึดไว้ด้วยสนามแม่เหล็กเดียวกันกับที่นำทางเศษชิ้นส่วนที่ตกลงมา … เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”คำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง

การศึกษาดาวแคระขาวดวงอื่น ๆ ก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า ดาวที่ตายแล้วมักมีพื้นผิวที่เต็มไปด้วยโลหะกระจัดกระจาย โดยลักษณะที่เป็นโลหะน่าจะมาจากดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์น้อยที่เข้ามาใกล้ดาวฤกษ์มากเกินไป

พบซากดาวฤกษ์ประหลาด มี “แผลเป็นโลหะ” กระจายอยู่ทั่วพื้นผิวดาว

แต่ WD 0816-310 นำเสนอสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยมีอิทธิพลจากสนามแม่เหล็ก กระบวนการนี้คล้ายกับกระบวนการเกิดแสงออโรราสว่างใกล้ขั้วโลก ที่เกิดจากอนุภาคพลังจากดวงอาทิตย์ชนกับชั้นบรรยากาศของโลก

ทีมวิจัยกล่าวว่า การศึกษาของพวกเขาแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกที่สามารถเกิดขึ้นภายในระบบดาวเคราะห์ต่าง ๆ แม้ว่าดาวฤกษ์แม่จะตายไปแล้วก็ตาม

ในส่วนของระบบสุริยจักรวาลนั้น คาดการณ์ว่าจะกลายเป็นดาวแคระขาวในอีกประมาณ 5 พันล้านปี แต่ก่อนหน้านั้น ดวงอาทิตย์จะกลายเป็นดาวยักษ์แดง (Red Giant) จากการใช้ไฮโดรเจนสำหรับนิวเคลียร์ฟิวชันจนหมดและเริ่มตาย โดยจะพองตัวและขยายตัวขึ้น

ขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้ดวงอาทิตย์มีแนวโน้มที่จะระเหยดาวเคราะห์ชั้นในของระบบสุริยะ เช่น ดาวพุธและดาวศุกร์ ส่วนโลกนั้นแม้จะถือเป็นดาวเคราะห์ชั้นในเช่นกัน แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถประเมินได้ ชะตากรรมของโลกจะเป็นอย่างไร

เรียบเรียงจาก CNN

เดชา เผย ทนายคู่กรณีไม่ยอมถอนคำร้องครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ตายกราบเท้าก็ไม่ยอมถอนให้

เกิดอะไรขึ้น กับ บิตคอยน์ ราคาร้อนแรงตลอดวัน ทะยาน 2 ล้านบาท!

นศ.-ศิษย์เก่า "อุเทนถวาย" รวมตัวแสดงพลัง 5 จุด ค้านย้ายสถาบัน!

By admin

Related Post