มีรายงานว่า ในวันนี้ (7 ก.ค.) สหรัฐฯ จะประกาศแผนส่งความช่วยเหลือทางทหทารรอบใหม่ให้แก่ยูเครน โดยคาดว่าจะรวมถึงการมอบ “คลัสเตอร์บอมบ์” (Cluster Bomb) หรือ “ระเบิดลูกปราย” ด้วย แม้เป็นอาวุธต้องห้ามสำหรับหลายประเทศ เนื่องจากเป็นอันตรายต่อชีวิตของพลเรือน
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ประเมินว่า คลัสเตอร์บอมบ์จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยยูเครนต่อสู้กับรัสเซีย หลังจากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลยูเครน
แต่ ลอรา คูเปอร์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่าอุปสรรคต่อการ ส่งมอบขณะนี้คือกฎระเบียบของรัฐสภาและความกังวลเกี่ยวกับเอกภาพของชาติพันธมิตร
สำหรับ คลัสเตอร์บอมบ์ ถือเป็นอาวุธต้องห้ามภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปรายที่กว่า 120 ประเทศลงนามปฏิบัติตามเงื่อนไขตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งมีหลายประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาเหนือหรือนาโตรวมอยู่ด้วย แต่สหรัฐฯ ยูเครน และรัสเซีย ไม่ได้ร่วมลงนามภายใต้ข้อตกลงนี้ โดยนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็นเป็นต้นมา สหรัฐฯ มีคลัสเตอร์บอมบ์ เก็บรักษาไว้เป็นจำนวนมาก
ที่เป็นอาวุธต้องห้าม ก็เพราะคลัสเตอร์บอมบ์หรือระเบิดลูกปราย เป็นอาวุธที่เมื่อยิงออกไปแล้วจะมีระเบิดลูกเล็ก ๆ เป็นจำนวนมากกระจายออกมาทำลายเป้าหมายจำนวนในพื้นที่วงกว้าง เสี่ยงต่อการสร้างผลกระทบต่อพลเรือน แต่หากไม่ระเบิดจะอยู่ได้อีกนานหลายสิบปี ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ที่อาจเก็บขึ้นมาโดยไม่ทราบว่าเป็นวัตถุอันตราย
ขณะที่สำนักงานความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปประจำรัฐสภาสหรัฐฯ เรียกร้องทำเนียบขาวกำจัดอุปสรรคต่าง ๆ โดยแสดงความเชื่อมั่นว่ายูเครนจะใช้ คลัสเตอร์บอมบ์ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อรับมือกับรัสเซียที่มีแสนยานุภาพทางทหารที่เหนือกว่า
ส่วนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์วอตช์ ได้คัดค้านการใช้อาวุธชนิดนี้ในการสู้รบ โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “อาวุธประเภทระเบิดลูกปรายที่รัสเซียและยูเครนใช้นั้นจะนำไปสู่การสูญเสียชีวิตพลเรือน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายควรหยุดใช้อาวุธดังกล่าวทันที และไม่พยายามจัดหาอาวุธดังกล่าวอีก” และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ไม่ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ดังกล่าวให้ยูเครนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า ในสงครามรัสเซียยูเครน เมื่อปีที่แล้ว ฝ่ายยูเครนเคยยิงจรวดกระสุนลูกปรายไปยังพื้นที่ของตนที่ถูกควบคุมโดยรัสเซีย บริเวณเมืองอิซูม (Izium) ทางตะวันออกของยูเครน จากการสัมภาษณ์ผู้อยู่อาศัย พยาน และเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินในพื้นที่มากกว่า 100 คน พบว่า มีพลเรือนชาวยูเครนเสียชีวิตอย่างน้อย 8 คนและบาดเจ็บอย่างน้อย 15 คน
ขณะเดียวกัน การใช้คลัสเตอร์บอมบ์ของรัสเซียในยูเครนเองก็ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้บันทึกการใช้ระเบิดดังกล่าวโดยทั้งสองฝ่าย
แมรี แวร์แฮม รักษาการผู้อำนวยการด้านอาวุธของฮิวแมนไรต์วอตช์ กล่าวว่า “อาวุธยุทโธปกรณ์ที่รัสเซียและยูเครนใช้ กำลังสังหารพลเรือนในขณะนี้และจะทำเช่นนั้นต่อไปอีกหลายปี ทั้งสองฝ่ายควรหยุดใช้มันทันที และอย่าพยายามรับมอบอาวุธที่ไม่เลือกปฏิบัติเหล่านี้อีก”
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP